“ศุภมาส” ประกาศนโยบาย “อว. for AI” ติดอาวุธคนไทยใช้ AI พัฒนาประเทศ ชู flagship การพลิกโฉมมหาวิทยาลัยด้วย AI ผลัก 3 แผนงานเด่น หนุน AI เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
สร้างบุคลากรด้าน AI 3 หมื่นคนใน 3 ปี พร้อมดัน AI ใช้จริงในภาคธุรกิจยกระดับเศรษฐกิจไทย
วันที่ 29 พ.ค.67 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงข่าวเปิดตัวนโยบาย“ อว. for AI” โดยมี นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว. ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศ.ดร. บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว. เข้าร่วม
พร้อมมีหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชนชั้นนำของโลกร่วมแสดงผลงาน เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย อว. for AI ณ ห้องออดิทอเรียม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
น.ส.ศุภมาส ได้แถลงนโยบายว่า กระทรวง อว. ได้วิเคราะห์ปัญหาหลักด้าน AI ของประเทศไทยพบว่ามี 2 ปัญหาหลักคือ การขาดแคลนบุคลากรและการประยุกต์ใช้ AI ยังมีน้อย ซึ่งกระทรวง อว. ได้หาทางแก้ปัญหา และเตรียมความพร้อมในการใช้ AI เพื่อพัฒนาประเทศ โดยสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565 – 2570) ซึ่งมี 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. ด้านจริยธรรมและกฎระเบียบ AI โดยมีเป้าหมายสร้างความเข้าใจและความตระหนักด้านจริยธรรมในการใช้ AI อย่างน้อย 6 แสนคน และมีกฎหมาย/ข้อบังคับด้าน AI ที่จำเป็น 2. ด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI เพื่อให้เกิดการลงทุนด้าน AI เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี 3. ด้านกำลังคน AI มีเป้าหมายผลิตกำลังคน AI 3 หมื่นคน 4. ด้านวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม AI ตั้งเป้าสร้าง 100 นวัตกรรม AI ที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ 4.8 หมื่นล้าน และ 5. ด้านการส่งเสริมธุรกิจและการใช้ AI โดยมีการใช้นวัตกรรม AI ใน 600 หน่วยงานทั่วประเทศ และเพื่อเป็นการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ AI แห่งชาติในภารกิจของกระทรวง อว. ดิฉันจึงให้มีนโยบาย "อว. for AI" โดยใช้ศักยภาพด้าน AI ของกระทรวง อว. ซึ่งจะเป็นจุดตั้งต้นสำคัญในการสร้างขีดความสามารถของประเทศบนฐานของ AI ต่อไป โดยนโยบาย อว. for AI จะดำเนินงานใน 3 เสาหลัก อันได้แก่
AI for Education: การใช้ AI ในการเรียนการสอนให้คนไทยมีศักยภาพสูงสุด และเร็วที่สุด ปัจจุบันมีทักษะหลายๆ ด้านที่คนไทยยังไม่สามารถพัฒนาให้เพียงพอ และมีคุณภาพตามความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยยังต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว กระทรวง อว.จึงมีแนวคิดการนำ AI มาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยการใช้เครื่องมือด้าน education tools ต่างๆ เป็นแนวทางที่จะเพิ่มจำนวนคนในทักษะที่จำเป็นได้ในเวลาอันสั้น นอกจากนี้จะต่อยอดโดยการนำ AI มาทำหน้าที่เหมือนครูหรือโค้ชช่วยเรียนรู้นอกเวลาเรียน ในหัวข้อที่ผู้เรียนสนใจ เน้นการพัฒนาทักษะเสริมตามความต้องการส่วนบุคคลได้อย่างรวดเร็ว โดยมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ เช่น e-learning platform ที่รัฐบาลจีนสนับสนุนให้มีการใช้ AI ตอบสนองความต้องการการเรียนรู้เฉพาะคน และเสริมทักษะสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสามารถรองรับนักเรียนกว่า 200 ล้านคน ในประเทศไทยเรามี Thai MOOC (Thailand Massive Open Online Course) แพลตฟอร์มการเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิด ที่เพิ่มช่องทางการเรียนรู้ที่มีมาตรฐานให้กับคนไทย โดยสามารถเรียนออนไลน์ได้ฟรี และเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา เราสามารถนำ AI ที่สามารถพูด อ่าน เขียน มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Thai MOOC โดย AI จะช่วยทำหน้าที่เหมือน Teacher Tutor หรือ Coach ช่วยเรียนรู้ในการสนทนา ถาม ตอบในเวลาเรียน แบบ interactive ในลักษณะการเรียนเฉพาะบุคคล (personalize) แบบตัวต่อตัวกับผู้เรียนทุกคน หรือ เลือกเรียนกับผู้สอนที่อยากเรียนด้วย เช่น ดารา หรือแม้กระทั่งเรียนกับ รมต. อว. ก็ได้ นอกจากนี้ AI ยังสามารถประเมินความรู้ ความสามารถของผู้เรียนผ่านระบบทดสอบ ออกแบบหลักสูตรหรือเนื้อหาการเรียนให้เหมาะกับระดับความรู้ ประเมินการเรียนรู้ในระหว่างเรียน ปรับระยะเวลา ความเร็วในการเรียนจนจบหลักสูตร ที่เราไม่ต้องเริ่มต้นที่ Level 1 สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา และเรียนพร้อมๆกันเป็นแสนคนก็ได้ วิธีการเรียนแบบนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในด้านการศึกษา
ทั้งนี้ AI Teacher จะทำให้เด็กทุกคนได้รับโอกาสเท่ากัน ทำให้เพิ่มโอกาสในการเข้าเรียนในคณะ หรือมหาวิทยาลัยที่อยากเรียน เพิ่มโอกาสในการได้งานดีๆ ค่าตอบแทนสูงๆ นโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษาของกระทรวง อว. ได้ตั้งเป้าหมายให้นิสิต นักศึกษาเข้าใจและสามารถใช้งาน AI ได้ตั้งแต่ ปี 2 โดยต้องรู้เท่าทัน AI (AI Literacy) มีทักษะความเข้าใจและสามารถนำ AI ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ (AI Competency) รวมทั้งนิสิต นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยจะต้องมีจริยธรรมในการใช้ AI (AI Ethics) ดิฉันอยากขอความร่วมมือทุกๆ มหาวิทยาลัย สนับสนุนการปฏิรูปอุดมศึกษาที่ใช้เทคโนโลยี AI โดยการปรับปรุง ออกแบบ หลักสูตรการเรียนการสอนให้นิสิต นักศึกษาได้เรียน AI ตั้งแต่ ปี 1 เพื่อให้ AI เป็นเครื่องมือ (tool) หรือเป็นปัจจัยที่ 5 ของนิสิต นักศึกษา จบเป็นบัณฑิตที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน หรืออุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“ดิฉันจะสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในมหาวิทยาลัย (AI Infrastructure) กระทรวง อว. จะใช้ AI ในการตอบโจทย์ทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ Lifelong Learning โดยในระยะแรก จะเน้นการสอนภาษาอังกฤษซึ่งจะเป็น flagship ที่สำคัญของกระทรวง อว. ต่อจากนั้นจะขยายผลนำไปใช้กับการเรียนนอกเวลาเรียนสำหรับผู้ที่จบการศึกษาไปแล้ว และต้องการ Reskill Upskill หรือ Newskill”
2. AI workforce development: การพัฒนาบุคลากรด้าน AI และการสร้างพื้นฐานด้าน AI ให้คนไทยในระบบการศึกษาและตลาดแรงงาน โดยจะเร่งดำเนินการเพื่อผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด AI โดยเร็ว ผ่านโครงการพัฒนากำลังคนด้าน AI ในทุกระดับ เช่น โครงการขับเคลื่อนการเข้าใจ AI ในระดับประถม มัธยม และอาชีวศึกษา โครงการพัฒนาศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ระดับนานาชาติ โครงการพัฒนากำลังคนด้าน AI สำหรับสถาบันการศึกษากลุ่ม AI degree โครงการ Super AI engineer โครงการ AI สำหรับบุคลากรภาครัฐ และ โครงการ Credit Bank โดยตั้งเป้าให้สามารถผลิตกำลังคนได้ใน 3 ระดับคือ ผู้เชี่ยวชาญ AI (AI professional) วิศวกร AI ที่เข้าสู่ภาคธุรกิจ (AI engineer) และนัก IT หรือวิชาชีพอื่น ๆ ที่มีทักษะการใช้เครื่องมือ AI (AI beginner) ให้ได้ไม่น้อยกว่า 3 หมื่นคนภายใน 3 ปี ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ปัจจุบันมีการขาดแคลนคนทำงานด้าน AI กว่า 8 หมื่นคน แต่คน AI กว่าครึ่งไม่ได้ทำงานด้าน IT และธุรกิจยังมีความต้องการจ้างคนไปทำวิจัยพัฒนาในสัดส่วนที่สูงที่สุด (ร้อยละ 35)
3. AI innovation: การสนับสนุนนวัตกรรม AI สู่ตลาด การพัฒนามาตรฐานและทดสอบ รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดความแพร่หลาย เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทย โดยจะสนับสนุนการทำนวัตกรรมด้าน AI อย่างเต็มที่ ซึ่งผลการสำรวจความพร้อมในการใช้ AI ขององค์กร โดยเนคเทค สวทช. และเอ็ตด้า พบว่าหน่วยงานที่อยู่ระหว่างตัดสินใจใช้ AI ยังขาดความมั่นใจและแรงกระตุ้นที่จะลงทุนและใช้งานอยู่มากกว่าครึ่ง โดยมีสาเหตุมาจากประเทศไทยยังมีการใช้งานน้อย ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และงบประมาณ ทำให้ยังไม่เห็นถึงการใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ในอีกหกปีข้างหน้า AI จะเติบโตขึ้นกว่า 18% ต่อปี ด้วยมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนล้านบาท แต่อุปสรรคที่สำคัญในขณะนี้คือ การนำมาใช้งานได้จริง และยังขาดการสนับสนุนเงินทุนที่เป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวง อว. จะเร่งสนับสนุนการนำนวัตกรรม AI มาใช้ให้เกิดการใช้งานจริง โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ ผ่านกลไกสนับสนุนนวัตกรรมจากหน่วยงานภายใต้ กระทรวง อว. เช่น การสนับสนุนทุนจากกองทุน ววน. ต่อไป
“ดิฉันขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่ AI กำลังมีบทบาทในการเปลี่ยนเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตของเรา กระทรวง อว. เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และพร้อมมุ่งมั่นให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง นโยบาย อว. for AI จะเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการสร้างระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยไทยให้เป็น Education 6.0 ที่เป็นการเรียนรู้แบบ Immersive Education เป็นการศึกษาแบบไร้รอยต่อระหว่าง Offline และ Online โดยนำ AI และ เมตาเวิร์ส มาช่วยในการเรียนการสอน นำมหาวิทยาลัยเข้าสู่การเป็น AI University กระทรวง อว. มีหน่วยงานหลักที่มีความพร้อมในการขับเคลื่อนนโยบายนี้คือ เนคเทค สวทช. ที่ถือว่าเป็นหัวหอกในการพัฒนา AI ของประเทศ และเป็นหน่วยงานเดียวในประเทศไทยที่มี Supercomputer ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการพัฒนา AI และสวทช. ยังได้รับความสนใจจากบริษัทชั้นนำระดับโลกหลายบริษัท ที่พร้อมจะร่วมมือพัฒนา AI solutions ให้กับหน่วยงานรัฐ มหาวิทยาลัย และ ภาคเอกชน ด้วยความพร้อมเหล่านี้ กระทรวง อว. จะเป็นศูนย์กลางที่จะสามารถ short cut และเร่งพัฒนา solution ที่ตอบโจทย์ความต้องการ ให้ออกสู่ตลาดภายใน 1 ปี ดิฉันขอให้ทุกหน่วยงานของกระทรวง อว. มุ่งมั่นร่วมดำเนินการสนับสนุนนโยบาย อว. for AI อย่างจริงจัง เต็มความสามารถ เพื่อที่จะใช้เทคโนโลยี AI เพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ” น.ส.ศุภมาส กล่าว