Hot Widget

Header ADS
Type Here to Get Search Results !
Header ADS

ไม่มีชื่อ

ตามนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมและผู้มีอิทธิพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย 
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา 
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน   
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา 
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย 
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


ตำรวจภูธรภาค ๑ ภายใต้การอำนวยการของ 
พล.ต.ท. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข 
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑, 
พล.ต.ต. สมชาย พัชรอินโต
พล.ต.ต ธนายุตม์  วุฒิจรัสธำรงค์ 
พล.ต.ต. อำนาจ จันทร์เจริญ  
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑
กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค ๑ นำโดย 
พล.ต.ต. สุภธีร์ บุญครอง      
ผบก.สส.ภ.๑ , 
พ.ต.อ. ชยานนท์ มีสติ 
รอง ผบก.ฯ 
พ.ต.อ.สันต์ เตชะอัครเกษม 
รอง ผบก.ฯ 
พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตประยูรตี ผกก.สส.๑ บก.สส.ภ.๑
ตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี นำโดย 
พล.ต.ต. พงศ์ฤทธิ์ บุญเลี้ยง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี 
พ.ต.อ.สุเมธ ปุณสีห์ 
รอง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี
พ.ต.อ.ศุภากรณ์ จันทาบุตร 
รอง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี 
สำนักงาน ปปส.ภาค ๑ นำโดย 
นายพัฒนพันธ์ สุขยิ่ง 
ผอ.ปปส ภาค 1 
นายสงวนศักดิ์ ศรีวัฒนพงศ์ 
ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 1
นายประสาร หยงสตาร์ 
นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ นายชลัช นนท์วัฒนกุล 
นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ
ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา ดังนี้




๑.นายวีรนิจ หรือนิจ  แซ่ม้า อายุ ๓๐ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๓๒/๒  หมู่๖ 
ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จ.ตาก
๒.นายประสิทธิ์หรือเตี้ย ชัยพัฒนโยธิน อายุ ๒๔ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒/๑๕ หมู่๘ ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก
พร้อมของกลาง  ดังนี้
๑. ยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า)  บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกขนาดใหญ่ ถุงละ ๘๕ มัด   มัดละประมาณ ๒,๐๐๐ เม็ด  จำนวน ๕๒ ถุง 
(รวมยาบ้าทั้งสิ้น จำนวน ๘,๘๔๐,๐๐๐ เม็ด)
         ๒. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้๔ประตู สีบรอนทอง ทะเบียน กฉ-๑๗๕๕ นครสวรรค์ จำนวน ๑ คัน 
( เป็นรถยนต์ที่ใช้ในการลักลอบขนยาเสพติด )
         ๓. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ ๔ประตู สีเทา ทะเบียน ๖กน-๑๓๓๐ กทม. จำนวน ๑ คัน ( เป็นรถยนต์ที่ใช้ในการขับนำดูต้นทางเพื่อหลบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ)





พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่  ๘ กันยายน ๒๕๖๑ เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม บก.สส.ภ.๑  และ ชุดปราบปรามยาเสพติด ศอ.ปส.ภ.๑ ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีกลุ่มนักค้ายาเสพติด ลักลอบขนยาเสพติดจากเขตพื้นที่ภาคเหนือมายังพื้นที่ภาคกลาง  โดยจะใช้รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๖กน-๑๓๓๐ กทม.เป็นรถขับนำเพื่อดูต้นทาง และมีรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กฉ-๑๗๕๕ นครสวรรค์ เป็นรถยนต์ที่ลักลอบขนยาเสพติด  เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม จึงได้     ทำการสืบสวน และ วางกำลังตรวจสอบรถยนต์เป้าหมายตามเส้นทางถนนสายหลัก และสายรอง จนกระทั่ง เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๑  เวลาประมาณ ๒๓.๐๐น. เจ้าพนักงานตำรวจ ชุดจับกุม ได้พบรถยนต์ ทั้ง ๒ คัน ขับขี่ตามกันมา บนถนนสาย ๔๐๓๖  เส้นทาง อ.ชันสูตร มุ่งหน้า อ.บางระจัน  จ.สิงห์บุรี เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวเรียกหยุดรถ เพื่อขอทำการตรวจค้น แต่รถยนต์ของผู้ต้องหาทั้ง ๒ คัน เร่งความเร็วพยายามหลบหนี จนกระทั่ง รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กฉ-๑๗๕๕ นครสวรรค์ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ในการลักลอบขนยาเสพติด ได้เสียหลัก   เข้าจอดข้างทางบริเวณ ทางเข้าบ้านเลขที่ ๓๔/๒ หมู่๑ ต.สิงห์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี พบ นายวีรนิจ หรือนิจ  แซ่ม้า ผู้ขับขี่ และนายประสิทธิ์หรือเตี้ย ชัยพัฒนโยธิน ผู้นั่งโดยสารเพื่อช่วยดูเส้นทาง พยายามทิ้งรถยนต์   วิ่งหลบหนีแต่ถูกชุดจับกุมทำการจับกุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๖กน-๑๓๓๐ กทม. ขับหลบหนีการจับกุมและนำไปจอดทิ้งไว้บริเวณทุ่งนา ใกล้วัดสละบาป ต.สิงห์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี โดยมีนายเกียรติภูมิหรือชัย มั่นรัตนะ เป็นผู้ขับขี่และเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว ได้ทิ้งรถและวิ่งหลบหนีการจับกุมไปได้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง ๒ คน  นายวีรนิจฯผู้ขับขี่ ให้การรับสารภาพว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากนายประสิทธิ์ฯ ซึ่งเป็นญาติของตน เป็นจำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ขับรถยนต์ขนยาบ้า จาก       จ.ตาก เพื่อไปส่งลูกค้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา  ส่วนนายประสิทธิ์ฯ  ให้การรับสารภาพว่าตนได้รับการว่าจ้างจากนายเน้ง แซ่ม้า ชาวพม่า เป็นญาติของตน ลักลอบขนยาบ้าของกลางดังกล่าว โดยได้รับค่าจ้างจากนายเน้งเป็นจำนวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท  และตนจึงได้จ้างวาน นายวีรนิจฯให้ขับรถยนต์มาส่งยาบ้าด้วยกัน จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง  ส่งพนักงานสวบสวน สถานีตำรวจภูธรบางระจัน  และจากการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญในครั้งนี้  ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑ จะได้ทำการสืบสวนขยายผล เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดที่หลบหนี และผู้เกี่ยวข้อง เครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว เพื่อนำตัวมา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป